ประโยชน์และสรรพคุณของปลากะตักหรือปลาจิ้งจั้ง
( Anchovy )
ปลากะตัก หรือ
ปลาจิ้งจั้ง ( Anchovy ) ในประเทศที่ความหลากหลายทางชีวภาพมาก
ถือว่าเป็นความโชคดีของผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถบบริเวณนั้น เนื่องจาก
จะมากไปด้วยพืชและสัตว์นานาชนิด ทำให้ได้ลองลิ้มชิมรสอาหารได้หลากหลายอย่าง
แบบไม่ซ้ำซากจำเจ ให้ต้องเกิดความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะอาหารที่ได้มากจากท้องทะเล
ที่อุดมไปสัตว์น้อยใหญ่ พันธุ์ปลาและอื่นๆอีกมากมาย ให้ได้กินกันอย่างไม่มีวันหมด ปลากะตัก ก็เป็นปลาทะเลอีกชนิดหนึ่ง
ที่นิยมนำมาประกอบเป็นอาหารทานกัน โดยเฉพาะชาติในประเทศแถบตะวันตก
ปลากะตักเป็นปลากินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร เป็นห่วงโซ่อาหารของปลาหมึก ปลาทู ปลาทราย
เป็นต้น ความสมบูรณ์ของปลากะตักจึงเป็นตัวชี้วัดความสมดุลของท้องทะเล
ปลากะตักหรือปลาจิ้งจั้งใช้ทำเป็นเมนูอะไรได้บ้าง?
ปลากะตัก เป็นปลาอีกหนึ่งชนิด ที่นำมาใช้ประกอบเป็นอาหาร
นิยมนำมาหมักเค็มแล้วแช่ในน้ำมัน มีรสชาติออกเค็มและมีกลิ่นที่จัด
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของปลาชนิดนี้ ปลาข้าวสาร
คือชื่อเรียกลูกปลากะตักที่ยังไม่โตนั่นเอง ปลาข้างสาร
มีประโยชน์มากมายสามารถนำไปใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น นำไปทานคู่กับสลัด
ใช้ทำเป็นหน้าพิซซ่า ใช้ผัดกับสปาเก็ตตี้ และอื่นๆแล้วตามความชอบ
ปลากะตักชนิดสดโดยมากชาวตะวันตกจะนิยมนำไปทำเป็นซุปทานกัน
กินปลากะตัก
หรือ ปลาฉิ้งฉ้าง ( ปลาจิ้งจั้ง ) ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
และยังช่วยลดระดับความดันในโลหิตได้
ประโยชน์ของปลากะตักหรือปลาจิ้งจั้ง
ปลากะตัก จะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์อย่าง เช่น
กรดไขมันโอเมก้า 3 โปแทสเซียม ( Potassium ) และแคลเซียม ( Calcium ) ในปริมาณที่สูง การทานปลากะตัก ขนาด 3 ออนซ์ จะให้พลังงาน 10 แคลอรี แบ่งเป็น ไขมัน 4 กรัม โพแทสเซียมมากกว่า 300 มิลลิกรัม และแคลเซียม 125 มิลลิกรัม การทานปลากะตักในปริมาณที่เหมาะสม
จะได้รับสรรพคุณที่ดี มีประโยชน์กับร่างกาย นอกจากปลากะตัก หรือ ปลาจิ้งจั้งแล้ว
ปลาเล็กปลาน้อยก็มีประโยชน์ และให้แคลเซียมสูงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ปลากะตักยังสามารถนำไปดองน้ำปลาได้เหมือนกับปลาไส้ตัน
ข้อแนะนำในการทานปลากะตักหรือปลาจิ้งจั้ง
1. ปลากะตักแบบกระป๋อง
เรียกว่า ปลาแอนโชวี่กระป๋อง ควรเลือกซื้อชนิดที่อยู่ในน้ำมันปลา
หรือในน้ำมันมะกอก มากว่าการเลือกชนิดที่อยู่ในน้ำมัน
เนื่องจากชนิดที่อยู่ในน้ำมัน จะมีปริมาณของไขมัน คอเลสเตอรอล ( Cholesterol ) และโซเดียม ( Sodium ) ในระดับที่สูง ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ
2. การเลือกซื้อปลากะตักแบบสดมาปรุงอาหาร หากใช้ไม่หมด จะสามารถเก็บใส่ตู้เย็น
เพื่อรักษาความสดของปลาไว้ได้ประมาณ 2 วัน
แต่หากนานกว่านี้
ต้องนำไปแช่แข็งโดยหุ้มให้สนิทด้วยกระดาษห่อสำหรับช่องแช่แข็งโดยเฉพาะ
เพื่อให้เนื้อปลายังคงความสดไว้ได้นาน
ปลากะตัก
ถือว่าเป็นปลาทะเลที่มีประโยชน์และสรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย ทั้งช่วยป้องกันโรคหัวใจ และช่วยลดระดับความดันโลหิต ผู้บริโภคควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
และรู้จักเลือกประเภทให้ถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับร่างกายอย่างสูงสุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น